การมี ออฟฟิศ ยังคงจำเป็นสำหรับธุรกิจบางประเภทที่ต้องใช้พื้นที่ในการดำเนินงาน หรือ จัดเก็บสินค้า ตัวอย่างเช่น ธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ ธุรกิจด้านความสวยความงาม งานออกแบบ และ งาน Studio Production เป็นต้น
ในปัจจุบันพบว่าบริษัทหลายๆ ที่ส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่เช่าพื้นที่ในสำนักงาน แล้วมาเลือกสร้างโฮมออฟฟิศด้วยตัวเอง ดังนั้นการ เปลี่ยนบ้านเป็นออฟฟิศ ถือเป็นไอเดียที่คนกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยส่วนมากจะเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง แต่ก่อนอื่นเราจะต้องรู้อะไรก่อนบ้าง? วันนี้ทาง V.K.B บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง มีคำตอบมาฝาก
สาเหตุหลักของการ เปลี่ยนบ้านเป็นออฟฟิศ
สาเหตุที่ทำให้บริษัทรุ่นใหม่เลือกสร้าง โฮมออฟฟิศ เป็นส่วนใหญ่ อาจเป็นเพราะสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ดีกว่า และสามารถยืดหยุ่นได้ในเรื่องของเวลาการเข้า – ออกงาน ซึ่งการทำงานในลักษณะนี้ นอกจากจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายแล้ว ยังทำให้คนทำงานรู้สึกอิสระ โดยสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งเป็นที่พักอาศัย และทำธุรกิจการค้าไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ยังมีอีก 3 เหตุผลหลักที่พิชิตใจผู้ประกอบการธุรกิจ จะมีอะไรบ้างไปดูกัน!
- ช่วยลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น การมีบ้านและออฟฟิศอยู่ในที่เดียวกัน จะช่วยลดต้นทุนไม่จำเป็นลงได้ อย่างเช่น ค่าไฟ หรือ ค่าส่วนกลางที่ไม่จำเป็น นอกจากนั้นยังช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าน้ำ และค่าไฟ เป็นต้น ซึ่งหากนำตัวเลขเหล่านี้มารวมกันแล้วก็จะช่วยประหยัดได้มากขึ้นทีเดียว
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน นอกจากความสามารถในการทำงานแล้ว ความสุขของพนักงานก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะถ้าหากพนักงานรู้สึกผ่อนคลายก็จะทำให้สร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง หากมองในมุมเจ้าของกิจการ การมีออฟฟิศและที่อยู่อาศัยในพื้นที่เดียวกันก็จะช่วยลดปัญหาการเดินทางได้ หากธุรกิจอยู่ในช่วงที่กำลังเติบโตเวลาสิ่งเล็กๆ เหล่านี้ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นจึงต้องจัดสรรเวลาทุกนาทีให้คุ้มค่า
สร้างโฮมออฟฟิศต้องพิจารณาพื้นที่ใช้สอยอย่างไร?
สำหรับใครที่ต้องการ เปลี่ยนบ้านเป็นออฟฟิศ สิ่งที่ต้องคำนึงเป็นหลักเลยก็คือ การพิจารณาพื้นที่ใช้สอยว่าต้องการจัดสรรพื้นที่ หรือ ดีไซน์ให้ออกมาในรูปแบบใด หากใครที่ต้องการแนวทางสำหรับการรีโนเวทบ้านให้กลายเป็นออฟฟิศ แต่ไม่รู้ว่าจะต้องพิจารณาพื้นที่ใช้สอยอย่างไร วันนี้ทาง V.K.B ได้รวบรวมลิสต์ข้อมูลเหล่านั้นมาไว้ในหัวข้อนี้แล้ว ไปดูพร้อมๆ กันได้เลย
จัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสมกับธุรกิจ
อย่างแรกต้องแบ่งสัดส่วนพื้นที่อยู่อาศัย และการทำงานออกจากกันอย่างชัดเจน ซึ่งขนาดของพื้นที่ใช้สอยต้องเพียงพอต่อความต้องการใช้งาน โดยพิจารณาจากรูปแบบธุรกิจที่ต้องการประกอบกิจการ และรองรับการเติบโตของธุรกิจ อย่างเช่น หากทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้า ควรมีพื้นที่สำหรับออกแบบ และ พื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้า หากเป็นธุรกิจที่ต้องติดต่อกับลูกค้า ควรมีพื้นที่สำหรับการติดต่อประสานงาน เป็นต้น
พื้นที่สำหรับรองรับพนักงาน
นอกจากต้องแบ่งสัดส่วนตามธุรกิจแล้ว ควรคำนึงถึงความสามารถในการรองรับพนักงานด้วยเช่นกัน ควรจัดสรรพื้นที่ให้มีความสัมพันธ์กับจำนวนพนักงาน อย่างเช่นการมีพื้นที่ส่วนกลางเพื่อให้พนักงานได้ทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างวัน หรือ มุมพักทานข้าวร่วมกัน เพื่อให้พนักงานเกิดปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมงาน ควรใส่ใจทุกการจัดสรรของพื้นที่ เพราะเมื่อสภาพแวดล้อมดี การทำงานก็ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน
สิ่งอำนวยความสะดวก และความปลอดภัย
การทำโฮมออฟฟิศ ควรคำนึงถึงพื้นที่ใช้สอยสำหรับจัดวางอุปกรณ์อำนวยความสะดวกของผู้ร่วมงาน อย่างเช่น โต๊ะทำงานที่เหมาะสม เก้าอี้สำหรับทำงาน เครื่องถ่ายเอกสาร รวมไปถึงพื้นที่วางตู้หรือชั้นสำหรับจัดเก็บเอกสาร เพราะการเปลี่ยนบ้านเป็นออฟฟิศก็เหมือนกับการเพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับคนจำนวนที่มากขึ้น
ดังนั้นการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ก็ถือเป็นจุดสำคัญมากทีเดียว เมื่อพูดถึงพื้นที่ภายในบ้านแล้ว พื้นที่อำนวยความสะดวกภายนอกก็สำคัญเช่นเดียวกัน ควรมีพื้นที่จอดรถให้เพียงพอต่อจำนวนพนักงาน และหลีกเลี่ยงการจอดรถเลยหน้าบ้าน หรือ ส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหา
และสิ่งที่ได้เปรียบสำหรับการเปลี่ยนบ้านเป็นออฟฟิศนั่นก็คือ มีพื้นที่ใช้สอยที่ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของสไตล์การตกแต่ง พนักงานสามารถสนุกกับการทำงาน และมีความคิดสร้างสรรค์ต่อยอดได้อย่างไม่จำกัด ซึ่งถ้าหากเป็นธุรกิจในยุคใหม่ หรือ Startup ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียว
ค้นหาสไตล์ที่ใช่ เลือกปรึกษาผู้ออกแบบที่เชี่ยวชาญ
การเลือกปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการ ออกแบบภายใน ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้บรรยากาศในพื้นที่ทำงานของคุณเป็นสัดส่วนและลงตัวมากยิ่งขึ้น โดยโฮมออฟฟิศที่ดีนั้นจะต้องมีฟังก์ชันที่ครบครัน เหมาะสมกับการทำงาน รวมไปถึงดีไซน์ที่สะท้อนตัวตนของคุณผ่านสไตล์การตกแต่ง หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่ยังหาสไตล์ของตัวเองไม่เจอ คุณสามารถนำแนวทางเหล่านี้ไปปรับใช้ได้
- สายพบปะผู้คน ถ้าคุณทำงานประเภทที่ต้องพบปะผู้คนมากๆ อย่างการติดต่อประสานงาน แนะนำว่าควรให้ความสำคัญกับส่วนของพื้นที่ส่วนกลางหรือห้องนั่งเล่นมากที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นพื้นที่สำหรับผ่อนคลายแล้ว ยังสามารถใช้สำหรับรับแขก และคุยกับลูกค้าได้อีกด้วย
- สายจริงจัง หากคุณเป็นคนทำงานที่ Focus กับงานแบบจริงจัง เรียกได้ว่าทุ่มเทกับงานแบบสุดๆ ควรตกแต่งโซนทำงานให้ดูเรียบง่าย แต่มาพิถีพิถันในการเลือกใช้สี เพราะสีแต่ละสีล้วนมีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึกของผู้อยู่อาศัย ซึ่งในลักษณะนี้ควรตกแต่งออฟฟิศด้วยโทนสีน้ำตาล จะทำให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นให้ความรู้สึกอบอุ่น และผ่อนคลาย
- สายรักธรรมชาติ ควรหาพื้นที่สีเขียวไว้พักสายตาระหว่างทำงาน อาจจะเป็นสวนหย่อมขนาดเล็ก เป็นมุมสำหรับจิบกาแฟ มุมอ่านหนังสือ นั่งใช้ความคิด หรือจะเป็นการเปิดรับแสงจากธรรมชาติให้มากขึ้น เพิ่มชีวิตชีวาบนโต๊ะทำงานด้วยการปลูกต้นไม้ หรือการใช้เฟอร์นิเจอร์จากวัสดุธรรมชาติ ก็ได้เช่นเดียวกัน
- สายศิลปะ สำหรับคนที่ชื่นชอบหรือสนใจในศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด ของของสะสมอื่นๆ ลองนำสิ่งที่คุณรักมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งาน อย่างเช่น การนำผลงานศิลปะมา ตกแต่งออฟฟิศ จัดหามุมติดตั้งผลงานให้เข้าโทนสีในแบบที่คุณชื่นชอบ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถทำให้โฮมออฟฟิศที่ดูธรรมดาน่าสนใจขึ้นมาทันที
3 ฟังก์ชันหลักในการ เปลี่ยนบ้านเป็นออฟฟิศ
- พื้นที่นั่งทำงานเป็นส่วนตัว การจัดสรรพื้นที่ทำงานก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ควรละเลย การนั่งทำงานของแต่ละคนควรมีระยะห่างที่เหมาะสมประมาณ 8 – 12 เมตร และควรจัดสรรให้มีจุดเชื่อมต่อสายไฟหรือปลั๊กให้เพียงพอ
- การจัดพื้นที่ประชุม หรือ Workspace เมื่อกลายมาเป็นโฮมออฟฟิศ รูปแบบการทำงานจะเน้นการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คนมากขึ้น ดังนั้นควรเน้นพื้นที่เปิดโล่ง ให้ทุกคนสามารถแชร์ไอเดียต่างๆ ระหว่างกันได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีมุมส่วนตัวเพื่อให้ Focus กับงานได้เต็มที่
- สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อย่างเช่น มุมพักเบรกทานกาแฟ มุมทานขนม หรือ มุมนั่งเล่น ในพื้นที่นี้ควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์อย่างเช่น โต๊ะ หรือ เก้าอี้ ที่มีสีสันสบายตา เพื่อให้การพักเบรกจากการทำงานของคุณเกิดความผ่อนคลาย หรืออาจมีรูปภาพโปสเตอร์ หรือภาพวาดช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะในการทำงานระหว่างวันอาจเกิดความเครียดหรือเหนื่อยล้า ถ้าหากพนักงานมีสุขภาพจิตที่ดี การทำงานย่อมเกิดประสิทธิภาพที่ดีได้เช่นเดียวกัน
การออกแบบโฮมออฟฟิศที่ใช่สำหรับคุณ ไม่ว่าจะสไตล์ไหนก็สามารถสะท้อนตัวตนได้ทั้งนั้น แต่สิ่งที่เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญก็คือ การคำนึงถึงความสะดวกสบายในการทำงาน ความเหมาะสม ความยืดหยุ่น และพื้นที่ใช้สอยที่เอื้อต่อการทำงาน
เช่น มีทั้งฟังก์ชันของที่ทำงาน สตูดิโอถ่ายภาพ ห้องประชุม รวมถึงพื้นที่สังสรรค์ภายใต้บรรยากาศที่หลากหลาย ไม่น่าเบื่อ เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ของคุณให้สนุกสนาน
เลือกปรึกษา V.K.B ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบและก่อสร้าง นำโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง วางแผนทุกขั้นตอน และสะท้อนเอกลักษณ์ของคุณได้อย่างลงตัว
เลือกบริษัทผู้รับเหมาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง!
การเลือก บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ถือเป็นส่วนสำคัญ จึงจำเป็นต้องเลือกผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ และสามารถปฏิบัติงานเสร็จได้ตามกำหนด เพราะงานก่อสร้างเป็นงานละเอียด หากเกิดปัญหาอาจต้องมาปรับแก้ทำให้เสียเวลา หรืออาจทำให้อาคารของคุณเสียหายในภายหลัง
และในปัจจุบันข่าวทิ้งงานของผู้รับเหมาก็มีให้เราเห็นอยู่บ่อยๆ ซึ่งทำให้ผู้ใช้บริการต้องเสียทั้งเงินและเวลา เพราะฉะนั้นควรคิดและไตร่ตรองตรวจสอบข้อมูลของ บริษัทผู้รับเหมา อย่างละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเหล่านี้ตามมา
หลักการคำนวณค่าใช้จ่ายที่คุณต้องรู้
ในการ รีโนเวทบ้าน ให้กลายเป็นโฮมออฟฟิศนั้น ต้องแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน นั่นก็คือ ค่าใช้จ่ายที่สามารถประเมินด้วยตัวเอง และค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถประเมินด้วยตัวเอง ซึ่งต้องใช้การสอบถามจากผู้รับเหมา วิศวกร หรือ สถาปนิก แต่ก่อนอื่นเราต้องรู้ว่าในส่วนที่ต้องการรีโนเวทนั้นมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ซึ่งคุณสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายได้ตามรายการด้านล่างนี้
- ค่าออกแบบโดยสถาปนิก คือ ค่าใช้จ่ายอันดับแรกหากต้องการรีโนเวทเพิ่มเติม ซึ่งราคาจะคำนวณจากพื้นที่ และขนาดของบ้านเป็นหลัก ซึ่งราคาอาจมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสถาปนิกแต่ละราย ซึ่งสถาปนิกบางรายอาจมีบริการผู้รับเหมาก่อสร้าง และวิศวกรแบบครบวงจร อาจเป็นตัวช่วยทำให้คุณสามารถระบุงบประมาณที่ตายตัวได้ง่ายยิ่งขึ้น
- ค่าผู้รับเหมา / ค่าช่าง ในส่วนนี้เป็นขั้นตอนหลังจากที่สถาปนิกได้นำแบบแปลนไปคุยรายละเอียด เพื่อประเมินราคากับผู้รับเหมาก่อสร้าง ระหว่างตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายนั้น แนะนำว่าให้ผู้รับเหมาทำรายการประมาณการค่าก่อสร้าง พร้อมแจกแจงรายละเอียดวัสดุต่างๆ ให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันปัญหาด้านวัสดุที่ใช้ก่อสร้างในอนาคต
ในรายการค่าใช้จ่ายที่เราได้ยกตัวอย่างมาเป็นเพียงส่วนหลักๆ เท่านั้น ถ้าไม่อยากให้ค่าใช้จ่ายบานปลาย สิ่งสำคัญที่ต้องทำ คือ การประเมินงบประมาณ และ การตั้งเป้าหมายรีโนเวทให้ชัดเจน และอย่าลืมที่จะเตรียมงบสำรองไว้เผื่อในเวลาฉุกเฉินด้วย หากใครกำลังวางแผนเปลี่ยนบ้านเป็น ออฟฟิศ สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม รับรองไม่ว่าจะเป็นงานรีโนเวทแบบไหนก็ออกมาสมบูรณ์แบบตามที่ต้องการแน่นอน
อยาก เปลี่ยนบ้านเป็นออฟฟิศ เลือกปรึกษา V.K.B
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะ รีโนเวทบ้านเป็นออฟฟิศ ถ้าไม่วางแผนให้ดีอาจทำให้เสียค่าบำรุงรักษาเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น และอาจจะได้แบบที่ไม่ถูกใจตามที่ต้องการ แต่ถ้าวางแผนครอบคลุมก็จะช่วยย่นระยะเวลา และประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกเยอะเลยทีเดียว เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หากท่านใดที่สนใจแต่ยังไม่มีที่ปรึกษา ทาง V.K.B พร้อมให้คำปรึกษา และช่วยเหลือปัญหาด้านการก่อสร้างทุกรูปแบบ เพราะเราคือผู้ให้บริการทั้งด้านงานออกแบบ และ งานก่อสร้างอย่างครบครัน ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 30 ปี ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่าทุกบริการจะตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณอย่างแน่นอน
- งานก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้างด้วยทีมงาน บุคลากร และ Outsourch คุณภาพที่พร้อมบริการอย่างเต็มที่
- งานออกแบบ มีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ รวมทั้งนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่พร้อมออกแบบเพื่อให้ตอบโจทย์ตามสไตล์ของคุณ
- ให้คำปรึกษา และ บริหารโครงการ นอกจากการก่อสร้างแล้ว เรายังให้คำแนะนำ ปรึกษา และ ช่วยเหลือปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างทุกรูปแบบ
สามารถสอบถาม V.K.B และ ดูข้อมูลเพิ่มเติมช่องทางอื่นๆ
Facebook : VKB Contracting
Line : @vkbth
Tel : 081-735-6625 , 097-445-4146 , 02-377-6591 , 02-735-1636 , 02-735-1637
Email : vkb.cont@gmail.com