อยาก รีโนเวทบ้าน ต้องรู้อะไรบ้างและต้องเตรียมตัวอย่างไร?

อยาก รีโนเวทบ้าน ต้องรู้อะไรบ้างและต้องเตรียมตัวอย่างไร?

บ้านนับว่าเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ที่ขาดไม่ได้  บ้านที่ดีควรจะมีความเป็นระเบียบ  ตัวบ้านควรจะเป็นสัดเป็นส่วนอย่างชัดเจน และ มีพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะแก่การใช้งาน แต่การจะไปซื้อบ้าน หรือ สร้างบ้านใหม่อาจจะต้องใช้งบประมาณที่ค่อนข้างมาก จึงทำให้หลายคนหันไปเลือกวิธีอื่นแทน นั่นก็คือการ รีโนเวทบ้าน ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมกันอย่างมากในปัจจุบัน เพราะว่าเมื่อทำรีโนเวทบ้านไปแล้ว เราก็จะเหมือนได้บ้านหลังใหม่ในราคาที่ถูกลง และ ถูกกว่าการสร้างบ้านหลังใหม่ไปเลย

นอกจากการรีโนเวทไว้ใช้งานแล้ว หลายคนก็ยังนิยมรีโนเวทไปเพื่ออัพราคาให้บ้าน สำหรับการขายเป็นอสังหาริมทรัพย์ หรือ ปล่อยเช่า แม้ว่าการรีโนเวทบ้านจะเป็นการซ่อมแซม และ ปรับปรุงบ้านใหม่ โดยอาศัยโครงสร้างบ้านหลังเดิม เพื่อทำให้บ้านเหมาะแก่การอยู่อาศัย และ ดูดีมากยิ่งขึ้น แต่การรีโนเวทบ้านก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะการรีโนเวทมีขั้นตอนที่หลากหลาย วันนี้ VKB เลยจะพาคุณมาเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะรีโนเวทบ้าน พร้อมกับข้อควรรู้สำหรับคนจะรีโนเวทบ้าน อย่ารอช้าไปอ่านกันเลย!!!

>> อ่านบทความ ซื้อบ้านกับสร้างบ้านอันไหนดีกว่า แบบไหนเหมาะกับคุณ ได้ที่นี่ <<

 

สิ่งที่ควรรู้ก่อน รีโนเวทบ้าน อย่างไรให้ออกมาดี!!!

ก่อนที่เราจะไปรีโนเวทบ้านอย่างแรกเลย เราจะต้องรู้ก่อนว่าเราต้องการรีโนเวทบ้านไปเพื่ออะไร ต้องการรีโนเวทแบบไหน และ สิ่งที่เราอยากได้เพิ่มเติมจากการรีโนเวทคืออะไร เช่น อยากรีโนเวทบ้านเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย และ ทำบ้านให้เป็นสไตล์มินิมอล

ถ้าหากตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้ ก็จะทำให้มองภาพรวมของการรีโนเวทไม่ออก เพราะการรีโนเวทคือการปรับปรุง และ เปลี่ยนแปลงบ้าน หากเราไม่รู้ว่าต้องการรีโนเวทไปเพื่ออะไร ก็อาจจะทำให้เมื่อรีโนเวทออกมาแล้ว ก็ไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการดังนั้นวัตถุประสงค์ในการรีโนเวทถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะทำให้เราสามารถดำเนินขั้นตอนอื่นๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

 

1.ประเมินงบประมาณของเรา

รีโนเวทบ้าน

สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คืองบประมาณในการรีโนเวท เพราะว่าจะทำให้เรารู้ได้ว่าขอบเขตที่เราสามารถปรับปรุงได้เป็นประมาณไหน เพราะฉะนั้นเราจะต้องตั้งงบประมาณของเรามาเลยว่าใช้งบในการรีโนเวทเท่าไหร่ เช่น ตั้งงบไว้ 500 ,000 บาทในการรีโนเวทบ้าน แต่ก็ไม่ใช่จะตั้งงบโดยไม่คำนึงถึงราคาค่าก่อสร้างในปัจจุบันนะ

ดังนั้นควรจะวางงบประมาณให้เหมาะสมด้วย ยิ่งบ้านมีพื้นที่มากเท่าไหร่ค่ารีโนเวทก็จะอัพตาม เช่น รีโนเวทบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ย่อมแพงกว่าบ้านชั้นเดียวอยู่แล้ว (หากเป็นการรีโนทแบบทั่วไป ไม่ได้เน้นเฟอร์นิเจอร์แบบพิเศษ หรือ เพิ่มอะไรที่พิเศษขึ้นมา)

การประเมินงบประมาณสำคัญมาก เพราะเวลาที่ติดต่อผู้รับเหมาในการรีโนเวท ผู้รับเหมาก็จะถามเรื่องรูปแบบ และ งบประมาณของเราว่าสามารถทำได้ในงบที่ตั้งไว้หรือไม่ ถ้าหากงบประมาณไม่สามารถรีโนเวทตามที่เราต้องการได้ อาจจะต้องมีการปรับรูปแบบให้เหมาะกับงบประมาณมากยิ่งขึ้น เช่น อาจจะต้องลดพื้นที่ใช้สอยบางจุดลง ให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ตั้งไว้

หรือ ทำการเพิ่มงบประมาณเพื่อรีโนเวทให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ (ในกรณีที่เกินงบประมาณที่ตั้งไว้ แต่ก็ยังสามารถรับได้ สมมติว่า ตั้งงบไว้ 500,000 บาท แต่ราคาค่ารีโนเวท 575,000 บาท เลยงบมาหน่อยแต่ได้บ้านแบบที่ต้องการ) โดยงบประมาณที่เพิ่มมาให้เราลองประเมินเบื้องต้นดูเลยว่า คุ้มค่ากับสิ่งที่จะได้มาหรือไม่ เช่น เพิ่มงบอีก 50,000 บาท เป็นค่าผนังเบากั้นห้อง ก็จะได้พื้นที่ใช้สอยแบ่งเป็น 2 ส่วน หากเราประเมินว่าคุ้มค่าก็ตัดสินใจได้เลย!!! การประเมินงบจะทำให้งบของเราไม่บานปลาย และ อาจจะเหลือเงินไปปรับปรุงส่วนอื่นๆ ได้อีกด้วย

 

2.หาข้อมูลรูปแบบของบ้านที่เราต้องการรีโนเวท

เมื่อเราประเมินงบประมาณที่จะใช้ในการรีโนเวทบ้านได้แล้ว สิ่งต่อไปก็คือการหาข้อมูลรูปแบบของบ้านที่เราต้องการจะรีโนเวท ถึงแม้ว่าเราจะรู้แล้วว่าเราอยากได้บ้านที่มีลักษณะเป็นอย่างไร แต่การหาข้อมูลสิ่งต่างๆ ที่จะใช้ในการรีโนเวทไม่ว่าจะเป็น วัสดุอุปกรณ์ หรือ ของตกแต่งที่เราจะใช้ จะทำให้เราสามารถมองภาพรวมของบ้านได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นการศึกษารูปแบบบ้านแบบต่างๆ จะทำให้เราเห็นรูปแบบการรีโนเวทแบบอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งเราอาจจะนำมาปรับใช้กับการรีโนเวทบ้านของเราเองได้

อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าการรีโนเวทบ้าน หากเรามองภาพรวมได้ชัดเจน จะทำให้เราจัดวางพื้นที่ใช้สอย และ ฟังก์ชั่นการใช้งานได้เหมาะสมตามความต้องการของตนเอง หรือ ผู้อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น

เช่น หากเราอยากรีโนเวทบ้านเป็นสไตล์มินิมอล ก็อาจจะไปหารูปแบบบ้านที่ต้องการมาประมาณ 2 – 3 แบบที่แตกต่างกันแต่ยังมีความเป็นมินิมอล แล้วลองดูว่าลักษณะ หรือ จุดเด่นของบ้านแต่ละบ้านว่ามีลักษณะอย่างไร เมื่อเราลองเปรียบเทียบรูปแบบบ้าน จะทำให้เราเห็นภาพรวมส่วนใหญ่ว่าบ้านควรจะไปในทิศทางไหน และ รูปแบบไหนที่ตอบโจทย์การใช้งานของเรา เพื่อที่เราจะได้เอาลักษณะ หรือ ข้อดีของบ้านเหล่านั้นมาปรับใช้กับบ้านของเรา เช่น เราอยากได้บ้านที่มีพื้นที่ใช้สอย แต่ไม่อยากได้ห้องที่ดูเยอะ หรือ ทึบเกินไปก็อาจจะทำครัวเปิดที่อยู่ติดกับโต๊ะทานอาหาร หรือ ใช้ฉากกั้นห้องแค่ครึ่งเดียว เพื่อทำให้ห้องดูโล่งโปร่งสบายตามสไตล์มินิมอล

เว็บไซต์ตัวอย่างที่สามารถเข้าไปดูดีไซน์ และรูปแบบบ้านได้ เช่น houzz , apartmenttherapy หรือ thisoldhouse เป็นต้น

3.เข้าไปสำรวจพื้นที่จริง

รีโนเวทบ้าน

หลังจากที่เราศึกษาข้อมูลรูปแบบบ้านที่เราจะนำมาปรับใช้ในการรีโนเวทเรียบร้อยแล้ว อย่าพึ่งรีบตัดสินใจอะไรทั้งสิ้น ถ้าคุณยังไม่ได้เข้าไปสำรวจพื้นที่จริงๆ ของบ้านที่จะรีโนเวท บางคนไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านตั้งแต่แรก แต่ไปซื้อมาเพื่อรีโนเวท หรือ เป็นเจ้าของบ้านแต่ไม่ได้อยู่อาศัยที่นี่มาก่อน

การเข้าไปดูพื้นที่จริง จะทำให้เรารู้ว่าเราควรจะปรับส่วนไหนบ้าง หรือ ส่วนไหนที่ยังพอใช้ได้ ไม่ต้องปรับปรุงแต่อาจจะแค่ทำการตกแต่งใหม่ รวมถึงโครงสร้างของบ้านด้วย เพราะบ้านบางหลังภายนอกอาจจะยังดูดี ดูแข็งแรง แต่ภายในอาจจะสึกกร่อนทั้งจากแมลง สัตว์ ความชื้น รวมถึงพวกอายุการใช้งานของบ้าน ที่อาจจะนานจนเกิดการแตกร้าว หรือ ทรุดตัวของอาคาร ทำให้โครงสร้างไม่แข็งแรง

ถ้าหากเข้าไปสำรวจแล้วโครงสร้างภายในไม่แข็งแรง อาจจะต้องทำการปรับปรุงแก้ไข ก่อนจะทำการรีโนเวทตัวอาคารในส่วนอื่นๆ เช่น แก้ไขปรับปรุงแนวคาน หรือเสาที่ดูรับน้ำหนักไม่ไหว

นอกจากการเช็คสภาพคร่าวๆ ของบ้านแล้ว ก็อย่าลืมที่จะเช็คสภาพให้ครบทุกจุด เพื่อที่เราจะได้ทำการรีโนเวทครั้งเดียว จะได้ไม่ต้องมานั่งแก้งานหลายๆ รอบ เพราะยิ่งแก้หลายรอบ งบประมาณก็จะยิ่งบานปลายเข้าไปอีก ดังนั้นจึงควรเช็คให้ครบทุกจุด ไม่ว่าจะเป็น ประตู หน้าต่าง รั้ว รวมถึงระบบต่างๆ ภายในบ้าน ทั้งระบบไฟ น้ำ สุขภัณฑ์ เป็นต้น

 

สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะต้องเช็คอะไรบ้าง สามารถเข้าไปอ่านบทความข้างล่างนี้ได้เลย เพื่อใช้เป็นตัวแบบในการเช็คว่าอะไรบ้างในบ้านที่ยังสามารถใช้งานได้อยู่

>> อ่านบทความ ตรวจบ้านก่อนโอนด้วยตัวเองอย่างไรไม่ให้พลาด ได้ที่นี่<<

 

4.วางรูปแบบบ้านที่เราจะรีโนเวท

รีโนเวทบ้าน

(ขอแนะนำให้มีวิศวกร ช่วยตรวจสอบบ้านก่อนที่จะรีโนเวท)

เมื่อเราเข้าไปทำการสำรวจพื้นที่บ้านมาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นให้เราตัดสินใจอีกทีว่าบ้านที่เราจะรีโนเวทยังคงเป็นรูปแบบเดิม หรือ มีการปรับส่วนไหนเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เพราะในตอนแรกก่อนที่เราจะเข้าไปสำรวจ เป็นการประเมินเบื้องต้นเท่านั้นแต่เมื่อเข้าไปสำรวจพื้นที่ จะทำให้เราสามารถประเมินรูปแบบที่จะรีโนเวทจริงๆ ได้ว่าควรจะเป็นไปอย่างไร ถือว่าขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะเป็นขั้นตอนที่ทำให้บ้านเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา นอกจากนั้นเราก็จะต้องทำการเลือกวัสดุที่เราจะนำมาใช้ในการรีโนเวทด้วย ยิ่งถ้าใครเป็นคนที่พิถีพิถัน การเลือกวัสดุด้วยตัวเองจะทำให้บ้านออกมาในรูปแบบที่เราต้องการ จริงอยู่ที่การเลือกวัสดุด้วยตัวเองอาจจะเสียเวลา แต่ถ้าหากบ้านออกมาไม่เป็นไปตามที่เราอยากได้ก็อาจจะทำให้เราต้องเสียเงินในการแก้ไขใหม่ กลายเป็นว่าเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาเข้าไปใหญ่ (ยิ่งถ้าใครรีโนเวทเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับบ้านด้วยแล้วยิ่งเสียอารมณ์เข้าไปอีก)

การเลือกวัสดุไม่ได้ทำให้แค่บ้านดูสวยงามเพียงเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อการใช้งาน และ สภาพของบ้านในระยะยาวอีกด้วย เพราะว่าถ้าเราเลือกวัสดุในการก่อสร้างไม่ดี หรือ ถูกเกินไป ไม่มีคุณภาพอาจจะส่งผลต่ออายุการใช้งาน แต่ถ้าหากเลือกวัสดุที่ราคาสูง คุณภาพเกินพอดี เราก็จะเสียงบไปโดยใช่เหตุ เพราะฉะนั้นควรเลือกวัสดุให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายนั้นๆ เพื่อให้ใช้งบได้อย่างคุ้มค่า ตัวอย่างเช่น เลือกใช้สีที่มีคุณสมบัติเหมาะกับการใช้ภายนอก แต่นำมาใช้ภายใน

 

5.เลือกผู้รับเหมาที่ดี

เมื่อทำการวางรูปแบบได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการติดต่อผู้รับเหมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะถ้าเราเลือกผู้รับเหมาไม่ดีอาจทำให้การก่อสร้าง การรีโนเวทมีปัญหาได้ การเลือกผู้รับเหมาควรจะเลือกผู้รับเหมาประเภทบริษัท เพราะให้บริการที่ครบวงจรมากกว่าแบบบุคคลธรรมดา การรีโนเวทไม่ใช่แค่การก่อสร้างเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการออกแบบอีกด้วย หากเราเลือกผู้รับเหมารูปแบบนี้ เราจะไม่ต้องไปติดต่อสถาปนิก หรือ วิศวกร รวมถึงคนที่มีหน้าที่ในการออกแบบ ก่อสร้าง และ วางระบบต่างๆ

ผู้รับเหมาที่ดียังควรจะต้องรับผิดชอบต่องาน และ เป็นที่น่าเชื่อถือ แล้วที่สำคัญที่สุดงานรีโนเวทที่ออกมาควรจะต้องตรงตามที่เรากำหนดไว้ทั้งในเรื่องของรายละเอียดงาน และ ระยะเวลาที่กำหนด

ในกรณีที่ติดต่อผู้รับเหมาเอาไว้แล้ว ในตอนที่เราเข้าไปดูบ้าน ควรจะให้ผู้รับเหมาเข้าไปด้วย เพื่อช่วยในการประเมินรายละเอียดการก่อสร้าง หรือ หากใครที่ติดต่อทีหลังก่อนที่จะเริ่มออกแบบ หรือ วางแปลนบ้าน ควรจะให้ผู้รับเหมาเข้าไปสำรวจพื้นที่ก่อน

รีโนเวทบ้านที่มากกว่าแค่การอยู่อาศัย

การรีโนเวทบ้านสามารถทำได้หลายอย่าง ไม่เพียงแค่รีโนเวทเพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น แต่เรายังสามารถรีโนเวทเพื่อใช้เป็นโฮมออฟฟิศได้อีกด้วย ทำให้สามารถใช้ได้ทั้งอยู่อาศัย และ เป็นสถานที่ทำงาน

นอกจากนั้นบางคนก็อาจจะรีโนเวทเพื่อเป็นร้านค้า คาเฟ่ หรือ แกลเลอรี่ศิลปะ เห็นไหมว่าการรีโนเวทบ้าน สามารถทำให้บ้านเป็นอะไรได้ตั้งหลายอย่าง จึงทำให้ในปัจจุบันคนนิยมรีโนเวทบ้านกันมากยิ่งขึ้น แต่อย่างที่เราได้บอกไว้ว่า การเลือกผู้รับเหมาค่อนข้างสำคัญมาก เพราะว่าบ้านของเราจะออกมาในรูปแบบไหน จะเป็นอย่างที่เราต้องการหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับผู้รับเหมาที่เราเลือก ถ้าอยากได้ผู้รับเหมาที่ดีเลือก VKB บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่พร้อมบริการให้บ้าน ของคุณออกมาดีตรงตามมาตรฐาน และ สเปคที่คุณต้องการ!!!

>> อ่านบทความ วิธีเลือกผู้รับเหมาอย่างไรไม่ให้ทิ้งงาน ได้ที่นี่ <<

 

อยาก รีโนเวทบ้าน เลือกสร้างกับ V.K.B

จะสร้างบ้าน สร้างอาคารให้ดี และ ปลอดภัย เลือก V.K.B contracting เพราะเราเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ให้บริการออกแบบ และ ก่อสร้าง รวมถึงให้คำแนะนำ บริหารโครงการ ที่ให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี ด้วยทีมที่เชี่ยวชาญ และ มีประสบการณ์ ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่างานที่ออกมาจะเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ และ มีคุณภาพ

  • งานก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้างด้วยทีมงาน บุคลากร และ Outsourch คุณภาพที่พร้อมบริการอย่างเต็มที่
  • งานออกแบบ มีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ รวมทั้งนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่พร้อมออกแบบเพื่อให้ตอบโจทย์ตามสไตล์ของคุณ
  • ให้คำปรึกษา และ บริหารโครงการ นอกจากการก่อสร้างแล้ว เรายังให้คำแนะนำ ปรึกษา และ ช่วยเหลือปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างทุกรูปแบบ

บริการอย่างเต็มที่ และ เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ

 

 

 

สามารถสอบถาม V.K.B และ ดูข้อมูลเพิ่มเติมช่องทางอื่นๆ

Facebook : VKB Contracting

Line : @vkbth

Tel081-735-6625 , 097-445-4146 , 02-377-6591 , 02-735-1636 , 02-735-1637

Email : vkb.cont@gmail.com

ติดต่อเรา