รูปแบบโครงสร้างในการ ก่อสร้างโรงงาน 

รูปแบบโครงสร้างในการ ก่อสร้างโรงงาน 

โดยทั่วไปแล้วขั้นตอนแรกก่อนการ ก่อสร้างโรงงาน คือ การเลือกรูปแบบโครงสร้างของอาคาร โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ โครงสร้างทรัส และ โครงสร้างข้อแข็ง ทั้ง 2 ประเภทใช้เหล็กเป็นวัสดุในการก่อสร้างเหมือนกัน เนื่องจากมีคุณสมบัติในการรับน้ำหนักได้ดี ถ้าต้องการสร้างโรงงานควรเลือกโครงสร้างแบบใดถึงจะเหมาะสมมากกว่ากัน? 

วันนี้ V.K.B ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างทั้ง 2 ประเภท สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังจะสร้างโรงงาน เพื่อให้ตอบโจทย์กับโรงงานของคุณมากที่สุด!

 

การออกแบบโรงงาน ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?

การออกแบบโรงงาน ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?

ในขั้นตอนการออกแบบโครงสร้าง ก็เป็นหนึ่งในขั้นตอนการออกแบบโรงงาน (Plan Design) ซึ่งก่อนที่จะถึงมือผู้ รับเหมาก่อสร้างโรงงาน นั้น ต้องเริ่มจากการออกแบบโดยสถาปนิก และวิศวกร ซึ่งจะมีขั้นตอนต่างๆ เช่น การไปดูหน้างาน รวบรวมวัตถุประสงค์ของผู้ใช้งาน และนำเสนอรูปแบบอาคารออกมาให้กับผู้ใช้อาคาร เป็นต้น

โดยโครงสร้างที่นำมาออกแบบนั้นต้องได้มาตรฐาน ถูกต้องตามกฎหมาย ปลอดภัย และคุ้มค่า ที่สำคัญก่อนออกแบบต้องคำนึงถึงลักษณะของโรงงาน ซึ่งข้อมูลที่ต้องใช้สำหรับขั้นตอนการออกแบบโรงงาน ประกอบไปด้วย

  • ตรวจสอบหน้างาน และดูพื้นที่จริง
  • เขียนคอนเซป และวางแผนในการ ก่อสร้างโรงงาน ขึ้นมา
  • ออกแบบแพลนสถาปนิกโรงงาน และพิมพ์เขียว
  • ออกแบบด้านโครงสร้าง และงานระบบทั้งหมด
  • ระบุรายละเอียดของแพลน และสเปกต่างๆ
  • ขอใบอนุญาติที่เกี่ยวข้องกับการการ ก่อสร้างโรงงาน
  • ดำเนินการก่อสร้าง

หากผู้ประกอบการดำเนินการตามกฎหมายอย่างถูกต้อง มีวิศวกรเป็นผู้ให้คำปรึกษา ก็จะทำให้การออกแบบโรงงานของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้ดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญการออกแบบโครงสร้าง จะต้องเลือกวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญ เข้าใจทฤษฎีหลักการทำงานของโครงสร้าง และด้านข้อกำหนดทางกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยในการก่อสร้างและการใช้งาน ที่สำคัญงบประมาณค่าใช้จ่าย จะต้องคุ้มค่ากับประสิทธิภาพที่ได้อีกด้วย

 

ก่อสร้างโรงงาน ด้วย โครงสร้างทรัส คืออะไร

ก่อสร้างโรงงาน ด้วย โครงสร้างทรัส คืออะไร

งานออกแบบโครงเหล็กถัก หรือ โครงสร้างทรัส (Truss Structures) คือ โครงสร้างทางวิศวกรรมที่นิยมใช้ เพื่อรับภาระต่างๆ ในโครงสร้างของหลังคา อย่างเช่น ป้ายโฆษณา, โครงหลังคาโรงอาหาร, รวมไปถึงสะพานขนาดใหญ่ โครงสร้างทรัสในงานโครงสร้างสถาปัตยกรรมมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “โครงข้อหมุน” เป็นการออกแบบที่เกิดจากการนำเอาชิ้นส่วนวัสดุอย่างเหล็กกล้า และไม้เนื้อแข็ง มาประกอบขึ้นเป็นโครงสามเหลี่ยม โดยมีจันทัน และ ขื่อ คอยเป็นเฟรมภายนอกในการกำหนดขนาดของโครงสามเหลี่ยม

 

โครงสร้างทรัส มีกี่ประเภท

โครงสร้างทรัส มีกี่ประเภท

ตามหลักการออกแบบแล้ว ประเภทของโครงสร้างทรัสที่นิยมใช้นั้น สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

  1. โครงถักอย่างง่าย หรือ โครงถักแบบดีเทอร์มิเนทสแตติกส์ (Statically Determinate Truss) เป็นรูปแบบโครงถัก ที่สามารถวิเคราะห์หาค่าแรงกระทำต่างๆ ได้ด้วยสมการสมดุล
  2. โครงถักอย่างยาก หรือ โครงถักแบบอินดีเทอร์มิเนทสแตติกส์ (Statically Indeterminate Truss) เป็นรูปแบบโครงถัก ที่จำเป็นต้องคำนวณหาค่าแรงกระทำต่างๆ ด้วยหลักการทางคณิตศาสตร์ขั้นสูง ซึ่งจะแปรผันไปตามรูปแบบของโครงถัก ในการนำไปใช้งานกับโครงสร้างที่ค่อนข้างมีความซับซ้อน

โครงถักโดยทั่วไปทำจากเหล็ก และไม้ แต่ส่วนใหญ่จะนิยมใช้เหล็ก แม้เหล็กจะมีราคาที่สูงกว่าไม้ แต่ด้วยคุณสมบัติของเหล็กที่มีความเหนียว คงทนต่อแรงกระทำในระนาบต่างๆ ได้ดี มีความยืดหยุ่น และรับการบิดได้มากกว่าโครงถักที่ทำจากไม้ อีกทั้งยังสามารถทำโครงสร้างช่วงพาดกว้าง และโครงสร้างช่วงพาดยาว ในอาคารขนาดกลาง – อาคารขนาดใหญ่พิเศษได้

 

โครงข้อแข็ง สำหรับ ก่อสร้างโรงงาน คือ

โครงข้อแข็ง (Portal Frame) คือ โครงสร้างเหล็กที่มีการออกแบบ ให้รอยต่อระหว่างเสากับคานมีความต่อเนื่องกันอยู่ในลักษณะหน้าจั่ว (โครงหักฉาก) ซึ่งส่วนใหญ่นิยมใช้กับงานในอาคารอุตสาหกรรม เช่น อาคารโกดัง หรือ คลังสินค้าขนาดกลาง ลักษณะของโครงสร้างทำหน้าที่รับแรงร่วมกัน แล้วถ่ายแรงลงสู่ฐานรากทำให้มีช่วงพาดกว้างมากขึ้น โครงข้อแข็งเป็นการออกแบบที่เกิดขึ้นจาก การนำเหล็กรูปพรรณ หรือ เหล็ก H – BEAM (เอชบีม) และ คานเหล็ก (CELLULAR BEAM) มาประกอบเข้าด้วยกัน

ซึ่งลักษณะของโครงหลังคาแบบ Portal Frame หรือ โครงข้อแข็ง จะมีช่วงพาดตามระนาบของทรงจั่ว โดยพาดด้วยเหล็ก H – BEAM ชิ้นเดียว วิธีนี้จะช่วยให้เพิ่มช่วงในการพาดยาวขึ้น และจะต้องตัดเหล็กให้มีความยาวพอดี เช่น หากมีช่วงพาดกว้าง 25 เมตร จะใช้เหล็กความยาวประมาณข้างละ 14 – 16  เมตร โดยวิธีการ คือ จะตัดเหล็กความยาว 12 เมตร มาต่อกับเหล็กความยาว 2 – 4 เมตร หรือ เหล็กความยาว 6 – 8 เมตร เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าวิศวกรเลือกใช้เหล็กความยาวพิเศษ เพราะสามารถสั่งตัดได้ในขนาดที่พอดี ทำให้ลดความยุ่งยาก และลดความสิ้นเปลืองที่มาจากรอยต่อ รวมทั้งยังช่วยประหยัดค่าแรงของการออกแบบใหม่ในทุกๆ จุดอีกด้วย ซึ่งช่วยให้โครงการก่อสร้างเสร็จไวขึ้น แถมยังประหยัดกว่าการสร้างโครงหลังคาด้วยเหล็กชิ้นเดียว

 

ความแตกต่างระหว่าง โครงสร้างทรัส และ โครงข้อแข็ง

ความแตกต่างระหว่าง โครงสร้างทรัส และ โครงข้อแข็ง

จากลักษณะภายนอกจะเห็นได้ว่า โครงข้อแข็ง มีความเรียบง่ายมากกว่า โครงสร้างทรัส ในขณะที่โครงสร้างทรัส เป็นการนำชิ้นส่วนโครงสร้างสามเหลี่ยม มาประกอบเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มความแข็งแรง แต่ยังคงมีน้ำหนักเบา ซึ่งระบบของโครงสร้างทั้ง 2 ประเภทนี้ มีข้อดี และข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

โครงข้อแข็ง เหมาะกับโครงการที่มีพื้นที่มีความสูงมากกว่าอาคารพักอาศัยทั่วไป และต้องเป็นอาคารชั้นเดียวที่มีช่วงเสากว้าง ตั้งแต่ 12 ถึง 45 เมตร เช่น โรงอาหาร และสนามกีฬาในร่ม การใช้โครงข้อแข็งจะทำให้โครงสร้างมีความทันสมัย เนื่องจากลดขั้นตอนในการเชื่อมลง จึงทำให้ช่วยประหยัดเวลาในการก่อสร้าง แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของช่วงพาด โดยระยะช่วงพาดที่คุ้มค่าไม่ควรเกิน 30 เมตร

โครงสร้างทรัส มีช่วงพาดตั้งแต่ 12 ถึง 60 เมตร นิยมนำมาใช้ในอาคารอุตสาหกรรม และอาคารสาธารณะ แต่โครงสร้างทรัสอาจไม่สอดคล้องกับดีไซน์ หรืออาคารที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยใต้หลังคามาก เพราะระยะวางโครงในแนวตั้งต้องการความสูงเยอะ

ข้อเปรียบเทียบ หากเปรียบเทียบในด้านความแข็งแรง โดยการใช้ปริมาณเหล็กที่เท่ากัน โครงข้อแข็งจะใช้ปริมาณเหล็กคุ้มกว่าโครงสร้างทรัส หากเปรียบเทียบในด้านของความคุ้มค่ามีความใกล้เคียงกัน แต่โครงข้อแข็งจะก่อสร้างได้ไวกว่า ในกรณีที่สร้างโกดังสำเร็จรูป

 

 

V.K.B บริษัท รับเหมาก่อสร้างโรงงาน พร้อมให้บริการอย่างครบวงจร

การออกแบบโครงสร้างในการ ก่อสร้างโรงงาน เป็นหน้าที่ของวิศวกร แต่หลังจากนั้นจะต้องเข้าสู่กระบวนการก่อสร้าง หากคุณกำลังหาผู้ รับเหมาก่อสร้างโรงงาน ที่มีคุณภาพ และได้มาตรฐาน ขอแนะนำ V.K.B contracting

บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ให้บริการด้านการออกแบบ และ ก่อสร้าง รวมถึงให้คำแนะนำในด้านการบริหารโครงการ พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่าทุกบริการจะตอบโจทย์ความต้องการ และ มีคุณภาพอย่างแน่นอน

  • งานก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้างด้วยทีมงาน บุคลากร และ Outsource คุณภาพที่พร้อมบริการอย่างเต็มที่
  • งานออกแบบ มีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ รวมทั้งนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่พร้อมออกแบบเพื่อให้ตอบโจทย์ตามสไตล์ของคุณ
  • ให้คำปรึกษา และ บริหารโครงการ นอกจากการก่อสร้างแล้ว เรายังให้คำแนะนำ ปรึกษา และ ช่วยเหลือปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างทุกรูปแบบ

 

 

 

สามารถสอบถาม V.K.B และ ดูข้อมูลเพิ่มเติมช่องทางอื่นๆ

Facebook : VKB Contracting

Line : @vkbth

Tel : 081-735-6625 , 097-445-4146 , 02-377-6591 , 02-735-1636 , 02-735-1637

Email : vkb.cont@gmail.com

ติดต่อเรา